ปฏิบัติการออกแบบ (เครื่องมือกระดาษวาดรูป ดินสอ)
Synopsis (สรุป)
จุดมุงหมายของบทความนี้คือ การเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของสี ในที่นี้จะกล่าวถึงความหมายของสี รูปแบบสี และความแตกต่างของสี นอกจากนี้ยังจะกล่าวถึง การทำงานของสีร่วมกับเทคโนโลยีเพื่อให้แน่ใจว่าสีจะแสดงบนอุปกรณ์ ไอที ได้อย่างถูกต้อง สีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักออกแบบกราฟิกมันช่วยดึงดูดความสนใจ ช่วยให้การออกแบบออกมาดีที่สุด
Introduction (การแนะนำ)
คนเรามีหน่วยความจำในการดูสีที่เกิดจากกราฟิกการ์ตูนที่เคลื่อนย้ายอยู่ในหน้าจอทีวี
สีเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจก่อนรายละเอียดและรูปทรง
และแน่นอนมันจะทำให้งานศิลปะดูน่าสนใจมากขึ้น
เพื่อที่จะทำงานร่วมกับสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราควรเข้าใจวิธีการจัดการกับมัน
สีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับนักออกแบบ
นักออกแบบที่ดีความีความสามารถในการใช้สีเพื่อทำให้ผลงานดูน่าสนใจมากขึ้น
Inspiration (แรงบันดาลใจ)
สีทำให้เกิดความตื่นเต้นในชีวิตประจำวัน
การตระหนักถึงสีที่เห็นอยู่รอบๆตัวเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ
จากการผสมสีที่เกิดจากธรรมชาติและการออกแบบที่มนุษย์สร้างขึ้น
ในความเป็นจริงสีที่นักออกแบบใช้ก็เป็นสีที่มีพื้นเพมาจากธรรมชาติ ชื่อของสีก็มักมาจากต้นกำเนิด ตัวอย่างเช่น
สีน้ำตาลก็มาจากดินเหนียวสีน้ำตาล , สีเหลืองก็มาจากดินที่มีแร่ออกไชค์ ฯลฯ
Color Perception (การรับรู้สี)
การมองเห็นสีของมนุษย์มีปัจจัยอยู่ 3 ประการ
1. แสงตกกระทบวัตถุ
2. แสงจากวัตถุสะท้อนเข้าสู่ตา
3. แสงทะลุผ่านวัตถุ
การที่เรารับรู้สีที่อยู่ในวัตถุนั่นๆเกิดจากการดูดกลืนสีบางสีและขณะคายสีบางสีก็จะออกมากระทบนัยน์ตาเราให้มองเห็นสีของวัตถุ
แสงที่สะท้อนออกมามีแสงเดียวหรือหลายสี แต่แสงที่ให้สีของวัตถุมีปริมาณมากที่สุด
จะทำให้เราเห็นวัตถุเป็นสีนั้น หรือเห็นเป็นสีผสมของแสงหลายสีนั้น
เช่นตัวอย่างการมองเห็นวัตถุสีต่างๆ
Color and Meaning (สีและความหมาย)
สีตอบสนองต่อความรู้สึกและการตอบสนองจะแตกต่างกันจากคนสู่คนหรือข้ามวัฒนธรรม
ด้วยเหตุนีคุณควรจะระมัดระวังในการเลือกสี เช่น
ในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือชุดแต่งงานมักจะมีสีขาว ชึงแสดงถึงความบริสุทธิ์
แต่ถ้าสีที่แดแสดงความบริสุทธิ์ในอินเดียแดงจะเป็นสีแดง สีสามารถมีความหมายตรงข้ามขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล
Red
สีแดงเป็นสีที่กระตุ้นให้การออกแบบดึงดูดความสนใจ
สีแดงสามารถเป็นตัวแทนของความร้อน,ไฟไหม้,ความรัก,เลือด,ความโกรธ ฯลฯ
Yellow
สีเหลืองเป็นตัวแทนแห่งความสดใสโดยเฉพาะเมื่ออยู่กับสีดำ
การรวมตัวกันของสีเหลองและสีดำเป็นเรื่องธรรมดาในธรรมชาติ เช่น ผึ่ง , ตัวต่อ , งู
ฯลฯ สีเหลืองสามารถเป็นตัวแทนของความสุข ,
แสงสว่าง , มองโลกในแง่ดี ฯลฯ
แต่ก็ยังสามารถเป็นตัวแทนของความขี้ขลาดทรยศหรือการเจ็บป่วย
สิ่งที่ดีเกียวกับสีเหลืองมันมีแนวโน้มที่จะผสมกันได้ดีกับสีอื่นๆ
Orange
สีส้มมักจะใช้ในความหมายว่าความอบอุ่น
บอกความผาสุก พลังงาน และการไตร่ตรอง
Blue
สีน้ำเงินหมายถึงความเย็น ฤดูหนาว
ความชัดเจน ของเหลว น้ำแข็ง อุณภูมิที่เย็นและยังสามารถนำมาใช้แสดงให้เห็นถึงอารมณ์
เป็นสีที่แสดงถึงความสงบเงียบ
สีน้ำเงินคือสีที่สามารถใชได้ในจหลายสถาณการณ์
Green
สีเขียวแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของการเจริญเติบโตของการต่ออายุหรือความอุดมสมบูรณ์
แต่ก็ยังสามารถทำให้เกิดความรู้สึกของความเกลียดชังและความอิจฉาริษยาและได้นำมาใช้เพื่อเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายคาถา
และ สีเขียวแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยเมื่อใช้ในสัญญาณไฟจราจรที่จะบอกคนขับรถว่ามันปลอดภัย
Purple
สีม่วงเป็นสีที่สง่าผ่าเผยเป็นตัวแทนของชนชั้นสูง, หรูหรา, ยศ,
ความกล้าหาญความมั่งคั่งและส่วนเกิน ควรใช้
สีม่วงเมื่อคุณต้องการความกล้าหาญและน่าตื่นเต้น
มันทำงานรวมกันได้ดีกับสีแดงและสีฟ้าเพราะมันถูกสร้างขึ้นจากส่วนผสมของทั้งสองสี
Black
สีดำ หมายถึง ความมีประสิทธิภาพ
สง่างาม ลึกลับ ความมืด ภาวะชึมเศร้า
ความตาย และการไว้ทุกข์ ในโลกตะวันตกงานศพถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนใส่ชุดสีดำเพราะเป็นสีแห่งความตายและความน่ากลัว
White
ในโลกตะวันตกสีขาวแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์
ไร้เดียงสา คุณธรรม ความจริง เสริมสร้างพลังอำนาจและความศักดิ์สิทธ์
สีขาวยังใช้เพื่อแสดงความขี้ขลาดในรูปแบบของธงขาวเพื่อแสดงความจำนน
นกพิราบสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ
Gray
สีเทาสามารถเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมมันเป็นกลางและเจียมเนื้อเจียมตัว
แต่ นอกจากนี้ยังสามารถตีความได้ว่าน่าเบื่อ
The Artist’s Color Model (รูปแบบสีของศิลปิน)
สีที่เรามองเห็นรอบตัวเราทุกวันสามารถโดยใช้สีจากหมึกหรือโดยคอมพิวเตอร์
ประสบการณ์ครั้งแรกของคุณในการผสมสีอาจจะเป็นในชั้นเรียนศิลปะ จุดเริมต้นของบทนี้เราจะเริ่มที่สีหลักสามสี
คือ
1.
สีแดง
2.
สีเหลือง
3.
สีน้ำเงิน
เพื่อให้เราสามารถกำหนดชุดสีที่สามรถสร้างจากสีหลัก
มันเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในชั้นเรียนมันเป็นรูปแบบของศิลปิน (รูปแบบสี RYB)
วงล้อของสีเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการออกแบบสำหรับการทำงานที่ใช้สี
เราจะใช้วงล้อสีในการวิเคราะห์ลักษณะและความสำพันธ์ของสี
Secondary Colors (สีทุติยภูมหรือสีรอง)
สีหลักเป็นสีที่เราใช้เวลาจะทำงานศิลปะ
คุณอาจจะผสมสีแดงและสีเหลืองที่จะทำให้กลายเป็นสีส้ม,สีเหลืองและสีน้ำเงินทำให้ได้สีเขียว
และสีน้ำเงินกับสีแดงเพื่อให้ได้สีม่วง(ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเรียกว่า สีม่วง) สีส้ม
สีเขียว และสีม่วงเป็นสีรองที่ผลิตโดยการรวมสองสีเข้าด้วยกัน
Tertiary Color (สีตติยภูมิ)
สีในระดับอุดมศึกษาจะถูกสร้างขึ้นโดยการผสมสีหลักและสีรอง ได้แก่
1.
สีเหลือง + สีส้ม = สีสมเหลือง
2.
สีแดง + สีส้ม = สีส้มแดง
3.
สีแดง + สีม่วง = สีม่วงแดง
4.
สีน้ำเงิน + สีม่วง
= สีม่วงน้ำเงิน
5.
สีน้ำเงิน + สีเขียว
= สีเขียวน้ำเงิน
6.
สีเหลือง + สีเขียว = สีเขียวเหลือง
Neutrals, Tints and Shades (สีเทาโทนสีและเฉดสี)
สีดำและสีขาว
เป็นที่รู้จักกันดีเว้นแต่เราจะผสมสีเหล่านี้ในปริมาณที่แตกต่างกัน
สร้างทุกเฉดสีของสีเทา เราจะเรียกสิ่งที่เราสร้างว่า “ร่มเงา”
Color Theory (ทฤษฎีสี)
Monochromatic
เทคนิคการใช้สีเดียวในการออกแบบ สีที่เข้มอ่อนต่างกัน คือ อ่อน เข้ม
เข้มที่สุด ก็สามารถทำให้เราเห็นมิติได้ คือ มีความลึก มีความชัน
สามารถจำแนกแยกแยะวัตถุได้
Analogous
สีที่เรียกว่ามีความคล้ายกันอุปมาอุปมัยหรือว่าคล้ายคลึงกัน คือ สีเขียว
สีเหลือง และสีเขียวเหลือง เราสามารถใช้สีสองสีมาสร้างโทนสีสามโทนได้
โดยที่การใช้สีไม่ชับช้อนแต่ไปด้วยกันได้
Complementary
เทคนิคนี้คือการนำสีที่ตรงกันข้ามกัน
เพื่อสร้างให้ตัดกันแบบแตกต่างโดยสิ้นเชิง
โดยไม่ใช้สีโทนข้างเคียงกันแต่ใช้สีโทนตรงข้ามกันเลย
Sprit Complementary
เทคนิคนี้จะใช้โทนสีที่ไม่แตกต่างกันมากเกิน โดยเลือกสีที่จะใช้หนึ่งสีและเลือกสีโทนข้างกันและตรงกันข้ามกันหนึ่งสี
เพื่อจะได้สร้างโทนสีให้มีความหลากหลายมากขึ้น และตัดกันเด่นมากขึ้น
Triadic
เทคนิคนี้คือการนำสีที่มุม 120 องศา ซึ่งไม่ค่อยนิยมใช้เทคนิคนี้
เพราะสีมันกักกันมากเกิน ส่วนประเทศที่นิยมใช้คือ เกาหลี
DRAWING (วาดเขียน)
เรียนรู้ที่จะดู
การวาดมันคืองานศิลปะที่มีเอกลักาณ์ในตัวเอง โดยเฉพาะถูกวาดโดยคนที่มีทักษะดี มนุษย์เรามีการพัฒนาแปรเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ ด้วยการสร้างการสื่อสารดัวยคำพูด ที่โรงเรียนเรามีกำลังใจที่จะฝึกสมาธิและฝึกการสะกดไวยากรณ์ เพื่อนำมาสือสารเป็นลายลักษณ์อักษร ทักษะภาษาอังกฤษจึงเป็นวิชาบังคับ แต่ถ้าเราเลือกที่จะใช้งานศิลปะโดยใช้การสื่อสารผ่านภาพแต่ก็ต้องระวังมากเพราะบางครั้งก็อาจดีความจากภาพผิด ต่าไปเราจะพูดถึงว่าทำไมการวาดภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ทำไมการร่างถึงเป็นสิ่งสำคัญ
การประยุกต์ใช้ซอฟแวร์ให้วิธีการใหม่ของการสร้างภาพ โดยไม่ต้องมีทักษะการวาดภาพที่ดี ภาพคอมโพสิตโดยใช้เทคนิคซอฟแวร์จะไม่มีความเข้าใจ ของฟอร์มแสงสมดุล โดยการสังเกตวัตถุแล้ววาดภาพด้วยตนเอง เมื่อแหล่งที่มาของภาพจากอินเทอร์เน็ต โดยที่เราไม่ต้องคิดเกี่ยวกับคุณสมบัติทางกายภาพเช่นน้ำหนักเนื้อหรือรูปแบบของวัตถุ เมื่อคุณวาดวัตถุคนหรือสัตว์ คุฯจะถูกบังคับที่จะต้องพิจารณาวิธีการที่จะสร้างสิ่งที่สนับสนุน และวิธีการสร้างแสงที่สัมพันธ์กัน สิ่งนี้จะช่วยขสร้างรากฐานที่ดีสำหรับทุกสิ่งที่คุณออกแบบ
ทุกคนสามารถเรียนรู้การวาดภาพได้ ?
คุณอาจจะคิดว่าตัวเองว่าไม่สามารถวาดภาพเพื่อบันทึกชีวิตตัวเองได้เลย ไม่สามารถเป็นนักออกแบบที่ดีได้ แต่ความเป็นจริงแล้วเรายังสามารถที่จะเรียนรู้ที่จะวาด ทักษะใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มมิติให้คุณเป้นนักออกแบบ แต่ไม่ไช่ว่าภาพวาดจะต้องเป็นส่วนหนึงของการออกแบบ แต่จะช่วยปรับปรุงทักษะ เปลี่ยนวิธีเกี่ยวกับรูปแบบองค์ประกอบ และโครงสร้าง คุณอาจจะคิดกันว่าไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการวาดเมื่อฉันสามารถสร้างภาพโดยใช้เทคนิคอมโพสิตซอฟต์แวร์ ความจริงที่ว่าโปรแกรมซอฟต์แวร์เช่น Adobe® Photoshop, Gimp®(GNU Image Manipulation Program) และ Corel’s® Painter® ทำให้มันง่ายต่อการสร้างภาพโดยใช้ภาพตัดปะ, ถ่ายภาพสินค้าและ แหล่งอื่น ๆ โปรแกรม 3D ยังอนุญาตให้ศิลปินที่จะสร้างภาพโดยการสร้างแบบจำลอง 3 มิติและสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตามผมอยากให้คุณกลับไปที่พื้นฐานโดยใช้วิธีร่างภาพจากดินสอ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า "พรสวรรค์"
ผมไม่เชื่อว่า "พรสวรรค์" คือสิ่งที่คนเราจะเกิดมาจากครรภ์มารดาแล้วจะมาพร้มอกับดินสอ พร้อมกระดาษเตรียมวาดภาพ แต่บางคนที่เกิดมาพร้อมกับความอยากรู้จึงเกิดกิจกรรมวาดภาพร่วมกับพ่อแม่ช่วงเด็กโดยอาจเกิดจากการดูการ์ตูน แล้วอยขากวาดภาพในการ์ตูนและเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้รักศิลปะ ในความคิดผมว่าความสามารถพิเศษเป็นผลประโยชน์ที่ดีของบางคนที่เสริมร้างแรงบันดาลใจในการวาดภาพ
Motivation (แรงจูงใจ)
บทความนี้จะนำเสนอเคล็ดลับเกี่ยวกับการวาดภาพ ที่เราสามรถนำไปพัฒนาและปรับปรุงทักษะการวาดภาพ เมื่อทำการอ่านบทความนี้แล้ว เราหวังว่าคุณจะมีข้อผิดพลาด และสามารถเพลิดเพลินไปกับการวาดภาพ ที่ท่านคิดว่ามันน่าเบื่อ และอาจจะต้องทำมันโดยไม่ต้องคำนึงถึง แรงจูงใจ และหวังว่าคุณจะทำมันทุกเช้าพร้อมการแฟยามเช้าของคุณ การวาดภาพต่อวันเป็นอย่างน้อยหรือเพียงแค่ 5 นาทีที่เส้นขยุกขยิกของคุณลงที่ภาพ และไม่ต้องแยแสแแม้ภาพวาดของคุณอาจไม่อยากจะให้ใครชื่นชม ศิลปินส่วนใหญ่ที่เขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง นักวิจารณ์จะผิดหวังกับผลงานของพวกเขาเสมอ คาดว่าร้อยละ 90 ผลงานของศิลปินพวกนี้จบลงที่ถังขยะ เช่นเดียวกับผลงานศิลปะประเภทอื่นก็จะต้องพบกับความล้มเหลวก่อนจะประสบความสำเร็จ
วัสดุวาด
Sketchbooks
มันยากมาที่ท่านจะหาเวลาในชีวิตที่วุ่นวายของเราฝึกวาดภาพ ผมขอแนะนำให้พกสมุดวาดเขียนเล็กๆ ที่จะทำให้คุณสามารถวาดภาพบนรถไฟ ในห้องพัก หรือขณะเดินเล่นกับสุนัข มันอาจจะดีถ้าคุณหาวัสดุวาดภาพที่มีราคาแพงที่คุณสามารถจ่ายได้ ชึงมันอาจจะเป็นแรงจูงใจให้เราวาดภาพปล่อยขึ้นก็ได้
Drawing Papers
นอกจากการวาดภาพบนหน้าในสมุดวาดเขียนของคุณ คุณอาจะต้องชื้อกระดาษสำหรับงานศิลปะ กระดาษที่ทำจากไม้หรือวัสดุที่เป็นเศษกระดาษเหลือจากโรงงานทำกระดาษ
Pencils
เราจะแนะดินสอที่มีลักษณะเหมือนปากกา (ดินสอกด) เพราะสามารถเลือกน้ำหนักดินสอที่เหมาะกับมือเราได้ และมีใส้ดินสอที่มีความแข็งความเข้มแตกต่างกัน คือ 6H 4H H 2H H HB B 2B 4B 6B ฯลฯ
Pens
Correction Fluid
Ink
Paint
Brushes
Erasers
สิ่งนี้ก็จำเป็นสำหรับงานศิลปะเช่นกัน สิ่งนั้นคือสิ่งที่เราเรียกว่า ยางลบ เราจำเป้นต้องใช้ยางลบใจการกำจัดเส้นที่เราผิดพลาด หรือนำมาใช้ในการลบทำสีเงาได้
Other Drawing Aides
อุปกรณ์วาดภาพอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ที่จะช่วยให้คุณวาดตรง เส้นขอบวงกลมและเส้นโค้งและมุมที่จะเป็นเรื่องยากที่จะวาดด้วยมือเปล่า
Drawing Basic Shapes
ในวีดีโอที่ท่านจะได้ชมเป็นการสอนให้เรารู้จัดการวาดรูปทรงเลขาคณิต ชึงเป็นพื้นฐานของการวาดภาพ
โทนสีและความคมชัด
วิธีที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับความคมชัดภาพ และโทนสีของวัตถุ แต่เมื่อคุณมองไปที่วัตถุที่เป็นกลางมันบังคับให้คุณมุ่งเน้นไปที่คุณภาพโดยไม่ต้องสับสนเรื่องของสี ถ้าวัตถุมีน้ำหนักเบา วางไว้กับพื้นหลังสีขาว ถ้าต้องการสีเข้มก็วางไว้บนแผ่นสีดำแต่คุฯต้องแน่ใจว่ามีแหล่งกำเนิดแสงเพียงพอ
เส้นขอบฟ้า
ลองสังเกตที่เส้นแนวนอนที่แยกพื้นผิวของแผ่นดินและท้องฟ้า แผ่นดินที่โคงออกไปสร้างขอบชัดเจน ในความเป็นจริงมันไม่ถูกต้อง แต่ในทางเทคนิคเส้นแนวนอนในภาพควรจะเป็นเส้นโค้ง แต่เส้นโค้งของโลกมีมากมายแต่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
The Three Dimensions
เป็นแบบจำลองทางเรขาคณิตของจักรวาลที่เราอยู่ โดยปกติในแต่ละมิติจะประกอบด้วย ความกว้าง ความยาว และความสูงหรือความลึก แม้ว่าในความเป็นจริงทิศทางสามทิศทางใดๆที่ตั้งฉากซึ่งกันและกันก็สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นสามมิติ
องค์ประกอบ หมายถึง การจัดเรียงของแต่ละบุคล องค์ประกอบในงานออกแบบของคุณก็คือภาพรวมของทุกส่วนที่อยู่ในผลงานศิลปะ การวางตำแหน่งงานแต่ละบุคคลมีความจำเป็น เพราะการวางวัตถุในงานไกล้ไกล มันสามารถบอกความรู้สึกของผู้ชม มันเป้นสิ่งสำคัญที่นักออกแบบควรพิจารณา
The Elements of Composition
รูปร่าง
รูปแบน ๆ มี 2 มิติ มีความกว้างกับความยาว ไม่มีความหนาเกิดจากเส้นรอบนอกที่แสดงพื้นที่ขอบเขตของรูปต่าง ๆ เช่น รูปวงกลม รูปสามเหลี่ยม หรือ รูปอิสระที่แสดงเนื้อที่ของผิวที่เป็นระนาบมากกว่าแสดงปริมาตรหรือมวล
เส้น
เส้น คือ ร่องรอยที่เกิดจากเคลื่อนที่ของจุด หรือถ้าเรานำจุดมาวางเรียงต่อ ๆ กันไป ก็จะเกิดเป็นเส้นขึ้น เส้นมีมิติเดียว คือ ความยาว ไม่มีความกว้าง ทำหน้าที่เป็นขอบเขต ของที่ว่าง รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก สี ตลอดจนกลุ่มรูปทรงต่าง ๆ รวมทั้งเป็นแกนหรือ โครงสร้างของรูปร่างรูปทรง
ขนาด
ขนาดความยาวหรือสัดส่วนที่ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายความสำพันธ์ และยังสามารถสร้างรู้สึกให้กับผู้ชมผลงานรู้สึกถึงความเป็นจริง
ความลึก
ความลึก หมายถึง ระยะไกล้ไกล้ของภาพโดยใช้วิธีการกำหนดความเข้มของเส้น ความลึกยังอาจหมายถึงระยะทางที่รับรู้ภาพ การออกแบบความลึกยังสามารถกำหนดจากขนาดของวัตถุที่มีความแตกต่างกัน เช่น ถ้าวัตถุที่เรามองเห็นใหญ่เราก็จะรับรู้ว่ามันไกล้ ถ้าเห็นเล็กเราก็ก็จะรับรู้ได้ว่าวัตถุนั้นอยู่ไกลการเคลื่อนไหว
ในการสร้างกราฟิกเราต้องคำนึงการเคลื่อนไหว ในการจัดองค์ประกอบหลักของการเคลื่อนไหวมีอยู่สามประการ คือ
- ความเร็ว
- ทิศทาง
- เส็นทางที่จะเคลื่อนไหว
สี
สีเป็นสิ่งสำคัญมากในการออกแบบ ในงานกราฟิกสีสามารถเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ดังนั้นในงานออกแบบควรมีการเลือกสีให้มีความสมดุลกัน
พื้นผิว
องค์ประกอบสุดท้ายคือเน้องานหรือผิวสัมผัสที่สามารถมองเห็นได้ เพราะพื้นผิวหรือผิวสัมผัสสามารถช่วยให้งานออกแบบของดูน่าสนใจสร้างความคมชัด หรือถ่ายทอดความรู้สึก
การจัดองค์ประกอบ
กรอบ
สิ่งแรกที่ต้องคำถีงเลยในการจัดองค์ประกอบ คือโครงสร้างเป็นกรอบสี่เหลี่ยมที่มีพื้นที่ว่าง อัตตราส่วนของกรอบแบบดั้งเดิมคือ 4:3 (กว้าง 4 หน่วย และสูง 3 หน่วย) การออกแบบกรอบของงานออกแบบขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่คุณออกแบบจะนำเข้าไปแสดงอุปกรณ์ชิดใด เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และโทรศัพท์ ฯลฯ
การแสดง
เมื่อคุณกำลังออกแบบภาพกราฟิกเคลื่อนไหว จำไว้เลยว่าสิ่งที่คุณออกแบบจะไม่เป็นแบบเหมือนงานศิลปะ แม้ว่าคุฯจะทำงานในรูปแบบสองมิติ คุณสามารถสร้างความลึกปลอม โดยการสร้ามุมมอง ดังนั้นในการสร้างภาพกราฟิกคุณควารคิดว่าพื้นที่เป็นแบบสามมิติ ในบางสถาณการณืกรอบสามารถเดินรอบๆ สภาพแวดล้อมได้เหมือนกับเวลาถ่ายภาพยนต์ที่จะต้องใช้กล้องหลายตัวในการสร้างมุมมอง
ตารางกริด
Josef Müller Brockman เป็นหนึ่งในนักออกแบบที่ยกย่องคุณงามความดีของการใช้ตรางกริดในการออกแบบกราฟิก ตารางกริดคือตารางสมมติที่ใช้ช่วยกะระยะ และตำแหน่งในการทำงานกับรูปภาพ โดยมีลักษณะเป็นตารางสีเทาที่มีระยะห่างของแต่ละช่องเท่า ๆ กันPerspective Grids
Perspective Grids คือเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการออกแบบภาพสามมิติ ให้มีมุมมองเสมือนจริงโดยยึดเส้นระนาบของตรางที่แสดงในมุมองแต่ละด้าน มุมมองของแต่ละด้าน Perspective Grids คือ
1-Point Perspective คือมุมมอง ที่แต่ละมุมเอียงเข้าหาจุดๆเดียว (พุ่งๆเข้าหาจุดๆเดียว หรือ พุ่งออกมาจากจุดๆเดียว)
2-Point Perspective คือมุมมอง ที่แบ่งเอียงไป 2 ด้าน ซ้าย และ ขวา
3- Point Perspective คือมุมมอง ที่แบ่งเอียงไป 2 ด้าน คือซ้าย และขวา และมีมุมด้านบนเสริมเข้ามาด้วย (มุมมองจากด้านบน)
PLANNING
The Design Process (ข้นตอนการออกแบบ)
Preparation (การจัดเตรียม)
ความต้องการมักเกิดขึ้นกับตัวเอง ในช่วงเวลานี้อาจจะอยู่ในรูปแบบของความคิดแบบกว้างๆ แต่ต้องใช้วิธีการในการรวบรวมความดิดให้แคบและเข้าใจง่ายคือ ใช้เทคนิคส่วนตัว และการร่างแบบ
Development (วิธีการ)
- ในการออกแบบอะไรชักอย่างต้องรวบรวมหรือรวมหัวแบ่งปันความคิดเห็นกัน หรือเรียกอีกอย่างคืดการรวบรมข้อมูบแบบหยาบๆ
- ในช่วงสั้นควรมีการติดต่อสอบถามกับผู้ที่จะให้เราออกแบบว่า ต้องการอะไร แบบใหน ฯลฯ
- สร้างกระดานเรื่องราวขึ้นมา ว่าสิงที่จะออกแบบหน้าตาเป็นเช่นไร ใช้วัสดุชนิดใด งบประมาณเท่าไร
- เริ่มการใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่จะสร้างสิ่งที่ออกแบบให้เป็นจริง
Testing (การทดสอบ)
ควรมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ ประเมินการทำงานทางเทคนิด และทดสอบการตอบรับภายนอก (กระบวนการนี้ผูที่มาประเมินควรเป็นคนที่ไม่ไช่ผู้ออกแบบ) เป็นช่วงที่เริ่มมีการตกแต่งเพิ่มสัมผัสให้กับผลงานที่เราออกแบบ
Delivery (การจัดส่ง)
จัดส่งสินค้าให้กับผู้เป็นผู้ที่ต้องการ รับเงิน และแจกแจงเรื่องการรับรองผลงานการออกแบบThe Preparation Stage
ในการทำอะไรก็ตามเราควรให้เวลากับตัวเองในการค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเงนอกสถานที่ เพียงเล็กน้อยในช่วงคิดออกแบบถึงแม้จะเวลาแน่นมากก็ตาม โดยการวาดภาพร่างๆลง สมุดโน็ตเล่มเล็กๆ ก็เพียงพอสำหรับการออกแบบ
Sketchbooks and Scrapbooks
สมุดวาดเขียนเป็นรากฐานที่สำหรับการออกแบบ มันเป็นเหมือนคู่หูของคุณ ที่จะช่วยเก็บความคิดออกมาเป็นภาพร่างได้ สมุดวาดเขียนไม่ไช่จะรวมภาพจากการสเก็ตเพียงอย่างเดียว ยังสามารถรวบรวมภาพจากการตัดมาจากนิตยสารก็ได้เช่นกัน ดังนั้การที่คุณจะพกสมุดวาดเขียนไปยังสถานที่ต่างได้ควรมีการเลือกสมุดวาดเขียนที่เล็กพกพาสะดวก
การระดมความคิด (Brainstorming)
การระดมความคิดก็เป็นอีกเทคนิคที่มีประโยชน์ ที่จะช่วยทำให้มีการพัฒนาความคิด วิธีการทำงานร่วมกันการระดมสมองถือเป็นวิธีการที่ดีในการแลกเปลี่ยนความคิดกัน และอีกประการคือคุณไม่สามารถทำงานได้ดีหากคุณทำงานเพียงคนเดียว รูปที่เห็นเป็นการรูปที่ได้จากการระดมสมองกัน
Why We Use Storyboards
การเขียนสตอรี่บอร์ดเป็นขั้นตอนของการเตรียมการนำเสนอข้อความ ภาพ รวมทั้ง สื่อในรูปของมัลติมีเดียต่างๆ ลงในกระดาษ เพื่อให้การนำเสนอข้อความ และสื่อในรูปแบบต่างๆ เหล่านี้เป็นไปอย่างเหมาะสมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไป ขณะที่ผังงานนำเสนอลำดับ และขั้นตอนของการตัดสินใจ สตอรี่บอร์ดนำเสนอเนื้อหา และลักษณะของการนำเสนอ ขั้นตอนการสร้างสตอรี่บอร์ดรวมไปถึงการเขียนสคริปต์ (ซึ่งสคริปต์ในที่นี้ คือ เนื้อหา) ที่ผู้ใช้จะได้เห็นบนหน้าจอซึ่งได้แก่ เนื้อหา ข้อมูล คำถาม ผลป้อนกลับ คำแนะนำ คำชี้แจง ข้อความเรียกความสนใจ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ
Storyboarding Techniques
หลังจากเสร็จจากการระดมสมองและได้รับการพัฒนาให้ออกมาในรูปของการตแสดงอารมณ์ วิธีการคือเราจะแบ่งกระดาษ A3 ออกเป็นทั้งหมด 12 ช่อง ขนาดช่องละ 4x3 โดยมเว้นช่องว่างกับด้านบน (ตามภาพ)
A Quick and Rough Storyboard Example
ตามภาพคือตัวอย่างสตอรี่บอร์ดอย่างหยาบ สังเกตจะมีเวลาการเคลื่อนไหวที่เขียนอยู่ข้างบนของแต่ละภาพ
A Simple Storyboard Example
ในตัวอย่างที่เห็นเราเริ่มจะเห็นรายละเอียดมากขึ้น
อีหนึงภาพที่เราจะเห็นมีละเอียดของภาพมากกว่าภาพด้านบน
More Detailed Storyboards
3 สิ่งสำคัญที่อยู่ในStoryboard
- Subject หรือCharacter ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ หรือตัวการ์ตูน ฯ และที่สำคัญคือพวกเขากำลังเคลื่อนไหวอย่างไร
- กล้อง ทำงานอย่างไร ทั้งในเรื่องของขนาดภาพ มุมภาพ และการเคลื่อนกล้อง
- เสียง พวกเขากำลังพูดอะไรกัน มีเสียงประกอบ หรือเสียงดนตรีอย่างไรหลายคนอาจจะกลัวว่าตัวเองวาดรูปไม่เก่งแล้วจะวาดStoryboardได้อย่างไรอย่าลืมนะครับว่าStoryboardเป็นเพียงรูปที่วาดง่ายๆก็ได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดไอเดียว่าภาพจะออกมาเป็นบนจอภาพยนตร์ เรามาลองดูกันเถอะว่ามันมีขั้นตอนอะไรบ้าง รับรองว่าไม่ยากจริงๆ